เพื่อน................

วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2555



จะมีมั้ย??........คนที่ " ไม่ทิ้ง " กันในวันที่ " แย่ "

จะมีมั้ย??........คน " คอยแคร์ " ในสถานการณ์ที่มัน " เลวร้าย "

จะมีมั้ย??........คนที่ " อยู่ข้างๆ " ในวันที่ " เจ็บป่วย ไม่สบาย "

จะมีมั้ย??........คนที่อยู่ " ข้างกาย ".....ในวันที่" เหนื่อย "จนเดินต่อไปไม่เป็น

จะมีมั้ย??........คนช่วย " ดึงขึ้น ".....ในวันที่ " ฉันล้ม "

จะมีมั้ย??........ใครสักคน....ในโลกใบกลมๆที่เห็นฉันมี " ความหมาย "

จะมีมั้ย??.........สักคนที่เชื่อว่า " รักแท้ ".....มันไม่ได้มีแต่แค่ใน " นิยาย "

จะมีมั้ย??.........คนที่" รักกัน " ได้......จาก" ความจริงใจ " ไม่ใช่หน้าตา...!!!
 

  


วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2555

สักวัน......................



                                                    บางสิ่งบางอย่าง
ยิ่งไขว่คว้า ก็ ยิ่งห่างไกล
ยิ่งใส่ใจ ก็ ยิ่งเจ็บปวด”..!!






ถ้าความคิดถึง
มันลบได้เลือนได้เหมือนกับเส้นดินสอ
มันก็คงจะดีนะ
อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ทรมานนัก
เมื่อแอบชอบและคิดถึง..ใครบางคน







ทุกทุกตัวอักษรที่เธอเห็น
บอกถึงความเป็นไปในใจฉัน
แทนคำพูด..สายใย..ความผูกพัน
แทนคำหนึ่ง..คำนั้น ฉันรักเธอ

วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2555

ปู่ชิว


                                        "คิดทุกคำที่พูด แต่ไม่ต้องพูดทุกคำที่คิด" 



  คุณว่ามีเหตุผลอะไร ที่ทำให้ชายแก่อายุ 86 ต้องตื่นแต่เช้า เตรียมกระติ๊กน้ำซุปสะพายซอสองสาย เดินออกจากบ้านกว่า 20 กิโลเมตร เพื่อไปเล่นเพลงบนเนินเขา แกทำแบบนี้ทุกวันเป็นเวลากว่า 30 ปี มาแล้ว ปู่ชิวให้สัญญากับภรรยาว่า "จะทำน้ำซุปให้เธอทานทุกเช้าและจะเล่นเพลงที่เธอชอบให้เธอฟังไปตลอดชีวิต"


นั่นคือเรื่องของปู่ชิว สำหรับคุณ ลองถามตัวคุณเองดูสิว่า... คุณดูแลคนที่คุณรักมากแค่ไหน !     

ความรัก ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย




                                               พระพุทธองค์ตรัสว่า
"ไม่ควรปล่อยตนให้ตกอยู่ภายใต้อำนาจแห่งความรัก
เพราะการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักเป็นเรื่องทรมาน
และเรื่องที่จะบังคับมิให้พลัดพรากก็เป็นสิ่งสุดวิสัย
ทุกคนจะต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง"
...




วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2555

ความเพียรพยายาม





1. ความเพียรทางกาย ได้แก่ ความเพียรทางกายของภิกษุ ผู้ชำระจิตจากนิวรณ์ ด้วยการเดิน การนั่งตลอดวัน กลางคืนพัก 4 ชั่วโมงในมัชฌิมยาง (สี่ทุ่มถึงตีสอง)
2. ความเพียรทางจิต เมื่อภิกษุผู้พากเพียรผูกใจว่า เราจักไม่ออกไปจากที่เร้นนี้ หรือเราจักไม่เลิกขัดสมาธินี้ ตราบเท่าที่จิตของเรายังไม่หลุดพ้น จากอาสวะ ย่อมถึงพร้อมด้วยความเพียรทางกายและทางจิต

อรรถกถากายสูตร กล่าวถึงธาตุเพียง 3 ประการ คือ

1. อารพฺธาตุ ได้แก่ความเพียรครั้งแรก

2. นิกฺขมธาตุ ได้แก่ความเพียรที่มีกำลังกว่านั้น เพราะออกจากความเกียจคร้าน

3. ปรกฺกมธาตุ ได้แก่ความเพียรที่มีกำลังกว่านั้น เพราะเป็นเหตุให้ก้าวไปข้างหน้าเรื่อยไป

ปธานสูตร (21/13) กล่าวถึงความเพียร 4 ประการคือ

1. สังวรปธาน เพียรระวังไม่ให้อกุศลธรรมเกิดขึ้น

2. ปหานปธาน เพียรละอกุศลธรรม ที่เกิดขึ้นแล้วให้หมดไป

3. ภาวนาปธาน เพียรให้กุศลธรรมเกิดและเจริญยิ่งขึ้น

4. อนุรักขนาปธาน เพียรรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วไม่ให้เสื่อม

ในเรื่องความเพียร หลวงวิจิตรวาทการ ให้ความเห็นไว้อย่างน่าฟังว่า

ไทยเราได้แปลความเพียรผิดไป คือเราแปลหรือสอนกันว่า ความเพียรหมายถึง เหนื่อยไปก่อนคงสบายเมื่อปลายมือ เราพากเพียรทำงานเพื่อหวังผลอย่างเดียว คือ สบายเมื่อปลายมือเราไม่ได้สอนกันว่า ความเพียรนั้นเป็นลักษณะของมนุษย์ที่ดี ซึ่งจะต้องทำไปจนตลอดชีวิต ไม่มีความจำเป็นต้องหยุด ความสุขไม่ได้หมายถึงการอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไร เราควรจะสอน ให้คนของเราเข้าใจว่า ความสุขของมนุษย์อยู่ที่การทำงาน ให้สำเร็จไปเรื่อยๆ

เหตุเกิดความเพียร

พระอรรถกถาจารย์กล่าวถึงเหตุ 11 ประการ ที่ทำให้พระภิกษุเกิดความเพียร ในที่นี้จะนำมาเรียบเรียงใหม่ เหลือ 8 ข้อ ดังนี้

1. ถ้าไม่รีบทำความดีเสียในวันนี้ พรุ่งนี้เราอาจจะตาย เลยหมดโอกาสทำความดี
2. งานจะเสร็จได้ก็ต่อเมื่อลงมือทำอย่างจริงจัง ถ้ามัวนอนอยู่งานก็ไม่มีวันเสร็จ

3. เราจะเดินไปตามทางที่พระพุทธเจ้า พระสาวก พระเจ้าจักรพรรดิ มหาเศรษฐี หรือบุคคลผู้ประสบความสำเร็จอื่นๆ ได้เสด็จดำเนินและเดินไปแล้ว แต่ทางนั้นคนเกียจคร้านไม่อาจจะเดินไปได้

4. ถ้าเรามัวเกียจคร้าน ดีแต่แบมือขอจากพ่อแม่ญาติพี่น้องเราไม่อายเขาบ้างหรือ

5. ถ้าเรามัวเกียจคร้าน ก็ไม่อาจรักษามรดกที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษไว้ได้ ตายแล้วจะไปพบหน้าท่านได้อย่างไร

6. เราเกิดมาในตระกูลที่มีชื่อเสียงและฐานะถึงเพียงนี้ ถ้ามัวเกียจคร้านอยู่ จะสมควรหรือ

7. เขาก็คน เราก็คน เมื่อเขาทำดีได้ เราก็ต้องทำดีให้ได้อย่างเขาหรือดีกว่า

8. แม้แต่สัตว์ตัวเล็กๆ เช่น มด ยังรู้จักขยันหากินและสร้างรังถ้ามัวนอนอยู่เราไม่อายสัตว์มันบ้างหรือ

นอกจากนี้ ความเพียรอาจเกิดจาก

9. ความเมตตากรุณา เช่น อยากช่วยเหลือคนไข้ จึงพยายามเรียนแพทย์จนสำเร็จ

10 ตัณหา เช่น อยากได้ของที่ถูกใจ แต่ไม่อาจได้โดยสุจริตจึงพยายามขโมยจนสำเร็จ

11. ความอาฆาต จึงพยายามแก้แค้นจนสำเร็จ

12 ความกลัว เช่นกลัวจะไม่มีกิน เลยพยายามทำมาหากินตัวเป็นเกลียว

เหตุเกิดความเพียรมีมากทั้งดีและชั่ว แต่ถ้าจะสรุปก็เหลือเพียงประการเดียว คือเห็นประโยชน์ที่เกิดจากความเพียร และเห็นโทษของความเกียจคร้านอานุภาพความเพียรพระพุทธเจ้าตรัสว่าดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่งที่เป็นเหตุให้กุศลธรรมที่ยังไม่ เกิดขึ้น อกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วเสื่อมไปเหมือนการปรารภความเพียร เมื่อบุคคลเป็นผู้ปรารภความเพียร กุศลธรรมที่ยังไม่เกิดย่อมเกิดขึ้น อกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมไปดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะชี้แจงถึงเหตุภายใน เราย่อมไม่เล็งเห็น เหตุอื่นแม้อย่างหนึ่งที่เป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนการปรารภความเพียร การปรารภความเพียรย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่พระพุทธดำรัสนี้แสดงให้เห็นถึงอานุภาพความเพียรหลักเรื่องความเพียรเป็น ลักษณะสำคัญอย่างหนี่งของพุทธศาสนา คำสอนใดเป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน คำสอนนั้นไม่ใช่พุทธศาสนา ความเพียรเป็นองค์ประกอบในหมวดธรรมะที่สำคัญต่างๆ มากมาย เช่น อิทธิบาท (ธรรมที่ทำให้สำเร็จความประสงค์) โพชฌงค์ (ธรรมที่เป็นองค์แห่งการตรัสรู้) นาถกรณธรรม (ธรรมที่เป็นที่พึ่งของตน) เป็นต้น


 เป็นที่น่าสังเกตว่า หมวดธรรมะที่กล่าวถึงความเพียร มักจะมีปัญญากำกับอยู่ด้วย เพราะความเพียรที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา เป็นความเพียรที่ผิดพลาด ไร้อานุภาพ ไม่สำเร็จประโยชน์อันใด เช่น การรีดนมจากเขาโค เป็นการกระทำที่โง่เขลา เป็นความเพียรที่ผิดอย่างมหันต์ แม้จะพยายามอย่างไรก็เหนื่อยเปล่า ไม่มีทางสำเร็จได้เลย ความเพียรจะสำเร็จประโยชน์ได้ ก็ต่อเมื่อมีปัญญาคอยนำทางหรือชี้แนะ ความเพียรจะมีอานุภาพหรือมีผลมากยิ่งขึ้น ถ้ามีธรรมะมาเสริมอีก 2 ประการ คือฉันทะและจิตตะ รวมเป็นหมวดธรรมะที่เรียกว่า อิทธิบาท 4 ซึ่งเป็นธรรมะที่ทำให้สำเร็จความประสงค์ทุกอย่างที่ไม่เหลือวิสัย อิทธิบาท 4 มี


1. ฉันทะ พอใจทำ

2. วิริยะ ขยันทำ

3. จิตตะ ตั้งใจทำ

4. วิมังสา (ปัญญา) เข้าใจทำ





วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2555

แอบรักใครบ้างอะ

10 ข้อห้ามของคนแอบรัก



1. ข้อแรกเลย ก่อนที่คุณจะคิดแอบรักใครสักคน คุณต้องเผื่อใจไว้ เพราะการที่ไปแอบรักคนอื่น ส่วนมากมักจะไม่สมหวัง อย่าหวังอะไรมากมาย
2. ข้อสอง ห้ามไปทำตัวเป็นเจ้าของ แบบว่าเวลาอยู่กับเพื่อนๆ ห้ามบอกว่า คนนี้เป็นแฟนคุณ
3. ห้ามทำตัวน่าเบื่อเวลาที่เจอคนที่คุณแอบรัก เช่น พูดแต่เรื่องของตัวเอง
4. ห้ามฉลาดจนเกินเหตุ บางทีคุณต้องทำเป็นโง่บ้าง อย่างเช่น เวลาเรียนคณิต คุณก็เดินไปถามคนที่คุณแอบรักว่าทำยังไง แต่ที่จริงคุณเก่งกว่าคนที่คุณแอบรักซะอีก
5. ห้ามทำท่าทางที่บ่งบอกว่าคุณชอบเค้า เพราะถ้าเค้ารู้ว่าคุณชอบเค้า เค้าจะเปลี่ยนไปอย่างทันที




6 . ห้ามไปพูดเรื่องผู้ชายคนอื่นให้เค้าฟัง เพราะเค้าอาจจะคิดว่าเราชอบผู้ชายคนนั้นอยู่
7. ห้ามนั่งใกล้เค้าเกินไป เพราะเวลาที่คุณนั่งใกล้เค้า คุณก็จะรู้สึกตื่นเต้น จนเค้าสังเกตได้ มันอาจจะทำให้ เค้ารู้ว่าเราแอบชอบเค้า
8. เวลาไปเที่ยว คาราโอเกะ ห้ามร้องเพลงที่เกี่ยวกับเพลงแอบรัก เพราะอาจทำให้เค้าสงสัยได้ ว่าคุณแอบชอบใครอยู่
9. เวลาที่เค้าบอกกับคุณว่า คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเค้า คุณอย่าทำหน้าไม่พอใจหรือเสียใจเด็ดขาด
10. และข้อสุดท้าย คุณต้องแสดงความเป็นเพื่อนที่ดี คือ ถ้าเค้าต้องการให้เราช่วยเรื่องอะไรที่เราสามารถทำได้ คุณก็ต้องตอบไปว่า ได้อยู่แล้วฉันทำให้เธอได้เพราะเราเป็นเพื่อนสนิทกันนิ
    10 ข้อห้ามมันอาจจะ ใช้ได้ถ้าคุณไม่อยากให้เค้ารู้ความในใจ แต่ถ้าใครไม่อยากแอบ ก็ไปบอกรักเค้า

งมงาย




                               

                                      ไม่จำเป็นต้องบอกกันว่ารัก

                                                 

                                                 ถ้าเราจักเข้าใจหัวใจได้

                                                

                                                 ขอเพียงไม่ทอดทิ้งแต่จริงใจ

                                              

                                                 ดีกว่าบอกรักไปแต่ไม่จริงจัง





งมงายบ้างป่ะ

วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2555

ชวิต ?

ศีล ๕ เป็นปกติของชีวิต
- ไม่มีการฆ่า
- ไม่มีการลักขโมย
- ซื่อสัตย์ต่อคู่ครอง
- ไม่โกหกกัน ไม่ดื่มสุราฯ
= ชีวิตก็สงบสุข

ถ้าคนทั้งโลกมีปกติเป็นอย่างนี้
สันติสุขก็จะเกิดขึ้นทุกขอบเขตของโลก